จักสานไหม
เป็นอาชีพเสริมโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านมาสานต่องานฝีมือที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษของชาวไทยพวนแห่งบ้านโพธิ์ศรี หมู่3 อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ที่อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว เมื่อประมาณ 200 กว่าปีก่อน เอกลักษณ์ของเขาก็คือจะอยู่กันอย่างพี่น้อง มีความเอื้ออารีต่อกัน มีความสามัคคีในชุมชน เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ มีถนนหนทางตัดรอบไปทั้งหมู่บ้านทุกซอกทุกซอย เช่น จักสานจากไผ่และหวาย ตะแกรงตากปลา กระบุ้งสำหรับหว่านข้าว เพื่อใช้สอยในครัวเรือน แต่ต่อมาก็รวมกลุ่มกันทำขายเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้หลังว่างเว้นจากการทำนาหรือใช้เวลาว่างในช่วงไปออกนา ยุคแรกเป็นการสานลายดอกพิกุลจากนั้นมีการพัฒนาต่อเป็นรูปทรง สี่เหลี่ยมลายดอกพิกุลเป็นกระเป๋าถือผู้หญิงข้างในมีซิป บุผ้าจากลายพิกุลก็มาลายลั่นทม มีทั้งทรงกลม ทรงรีและบุผ้าด้านในล่าสุดมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาคือ ตะกร้าที่ผสมผสานลายไม้ไผ่ย้อมสี ระยะเวลาขึ้นกับขนาด ความละเอียดประณีต บางผลิตภัณฑ์อาจใช้เวลาเป็นเดือน
แต่เดิมชาวบ้านที่นี่ได้เริ่มชิ้นงานจักสาน จากการใช้กันเองภายในครัวเรือน และเผยแพร่ความรู้ ความชํานาญให้กับเพื่อนบ้านเพื่อเป็นการใช้เวลาว่างหลังจาก การทำนาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยวัสดุที่นำมาใช้ในการจักสานคือไม้ไผ่และหวายนํามาจักสานให้มีลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายหนามทุเรียน ที่มีลักษณะเป็นปุ่มนูนคล้ายกับหนามทุเรียน และลายดอกพิกุล ซึ่งถือเป็นลายยอดนิยมของบรรดาเครื่องจักสานของที่นี่
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิดจักสาน ได้แก่ ไม้ไผ่ หวาย ลวด มีด และที่รีดหวาย วิธีการผลิตจักสานจะเริ่มจากการนําไม้ไผ่มาทำเป็นตอกเส้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร จากนั้นนําไม้ไผ่มาสานเป็นตาชะลอมสำหรับทำโครง ต่อมาใช้หวายมาสอดลงในตาชะลอมไม้ไผ่เป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายดอกพิกุล ลายหนามทุเรียน ลายแวว มยุรา ถัดไปใช้เครื่องจักสานที่ได้มาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ตะกร้า กระเป๋าถือ กระจาดใส่ของ ตามแต่ผู้ผลิตถนัด เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จการผลิตจักสานแล้ว
ราคา 1,400 บาท และ 1,800 บาท ถ้า 1,800 จะมีการถักหวายเส้นใหญ่มากกว่า ถักขอบสวยงามกว่า ส่วนลายที่ละเอียดที่สุดในการจักสานคือลายพิกุลและลายลั่นทม อยู่ที่ลูกละ 4,500 บาท นี่ไม่ได้บุผ้า แต่ถ้าบุผ้าก็ต้องเพิ่มราคาขึ้นอีก ส่วนค่าอะไหล่อีกต่างหาก