ปลาม้าแดดเดียว

ปลาม้าแดดเดียว
ในท้องถิ่นไหนที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ก็มักจะมีเมนูเด็ดที่ใช้วัตถุดิบสำคัญที่ได้มาจากแม่น้ำลำคลอง ซึ่งจะถูกนำมาผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ จนออกมาเป็นอาหารท้องถิ่นที่น่าลิ้มลอง อย่างเช่นที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นเมืองที่มีแม่น้ำลำคลองไหลผ่านมากมาย ทำให้มีเมนูปลาอร่อย ๆ ที่ได้มาจากแม่น้ำ นำมาทำเป็นเมนูเด็ดที่หาชิมได้แค่เมืองสุพรรณบุรี ซึ่ง “ปลาม้าแดดเดียว” นั้นถือว่าเป็นเมนูอาหารท้องถิ่นที่ตรงมาชิมได้แค่ จ.สุพรรณบุรี เนื่องจาก “ปลาม้า” เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง พบได้มากที่ จ.สุพรรณบุรี และกลายเป็นปลามีชื่อเสียงอย่างมากของจังหวัดนี้ ถึงขั้นมีการตั้งชื่ออำเภอบางปลาม้ากันเลยทีเดียว (นอกจากสุพรรณบุรี ปลาม้ายังสามารถพบได้ในแหล่งอื่น ๆ อีก ทั้งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน) และเหตุที่เรียกว่า ปลาม้า ก็มาจากครีบหลังที่ตั้งเป็นแผง มีลักษณะคล้ายแผงคอม้า และในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของปลาม้า จะส่งเสียงร้องคล้ายเสียงม้าออกมาเพื่อเป็นการดึงดูดปลาตัวอื่น ๆ ให้เข้ามาผสมพันธุ์สำหรับ “ปลาม้าแดดเดียว” นั้นถือเป็นวิธีการถนอมอาหารอย่างหนึ่งจากภูมิปัญญาชาวบ้าน จะทำให้ปลาสด ๆ ที่เก็บมาได้นั้น สามารถเก็บไว้กินได้นานขึ้น ปลาม้าสด ๆ ที่ได้มานั้นจะนำมาควักไส้ และล้างทำความสะอาดให้ดีแล้วผึ่งให้แห้ง ก่อนจะนำมาเคล้ากับเกลือหรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ตามสูตรของแต่ละบ้าน ก่อนจะนำไปตากแดดให้แห้ง แต่ต้องไม่แห้งสนิทเกินไป เนื่องจากเวลาทอดเนื้อจะแห้งแข็ง ไม่ฟู ทำให้ไม่น่ากิน 
ปลาม้าแดดเดียว ส่วนใหญ่จะมีวางขายอยู่ใน จ.สุพรรณบุรี ตามตลาดต่าง ๆ แต่สำหรับใครที่จะไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี แล้วอยากซื้อมากินที่บ้าน หรือนำไปเป็นของฝากได้ที่ “ตลาดเก้าห้อง” 
เมื่อซื้อปลาม้าแดดเดียวมาแล้ว ต้องเก็บใส่ถุงให้ดี เพราะมีกลิ่นแรง สามารถเก็บไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เพื่อให้เก็บได้นานขึ้น หรือหากจะทำกินเลย ก็สามารถนำออกมาทอดได้ทันที โดยแม่ค้าที่ตลาดจะแนะนำให้หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วทอด จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน ทอดในน้ำมันร้อน ๆ ให้เหลืองหอม กรอบนอกนุ่มใน รสชาติปลาม้าจะออกเค็ม ๆ กินกับข้าวสวย ข้าวต้ม หรือจะทำยำมะม่วงกินแกล้มกันก็เข้ากัน